Monday, July 31, 2017

มาสร้างความทรงๆจำดีๆ กับ Little Me Studio กันเถอะ


สวัสดีค่าทุกคนนนนนน เมื่อวานถือได้ว่าเป็นวันพักผ่อนจากการทำงานของตัวเอง
จากหลายๆอาทิตย์ที่ทำงานอย่างหนักหน่วงกันเลยทีเดียว เลยหาโอกาสจะไปเดินเล่น
ซ๊อปปิ้ง ทานข้าว สักหน่อย ซึ่งก็เลือกห้างที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านมาก
เลยไปเดินเล่นที่ เซ็นทรัลพระราม 9 ปกติเวลาไปเดินต้องบอกเลยว่าคลุกตัว
อยู่แต่กับชั้น 6 หรือ 7 ที่เป็นโซนอาหาร ของกิน ขนม นั้นเอง 


ซึ่งเดินเล่นไปมาสักพัก ก็ไปเจองาน Event น่ารักๆ อยู่โซนนึง ที่ชั้น 6 นี่ก็เดินชมบริเวณงาน
ไปเรื่อยๆ จนไปเจอกับบูธนึงที่แอบกรี๊ดมาก เพราะมีความคิ้วสุดๆ กับบูธนี่เลย “ Little Me Studio
เป็นบูธที่ทำโมเดล 3D เสมือนจริง ซึ่งมันน่ารักมากก เป็นโมเดลที่เป็นตัวเราในแบบย่อส่วน 
บอกเลยว่า มันเหมือนเรามากๆ คือดีเทลต่างๆของตัวโมเดลนี่ชัดเจนสุดๆ 


นัทก็ไม่รีรอเลย รีบเข้าไปสอบถามรายละเอียดต่างๆนาๆ มา จนสุดท้ายก็สรุปว่า
จะทำเป็นโมเดลในไซส์ 6 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดที่กำลังพอดี ไม่ใหญ่ไปไม่เล็กไป 
ซึ่งเจ้าตัวโมเดลที่ตัวนัทได้สัมผัสมาถือว่ามีความแข็งแรง คงทนมาก 
เพราะทำมาจากตัว Ceramic ซึ่งไม่ต้วงห่วงเรื่องของ ความไม่คงทน
ของตัวเนื้อสีที่จะเปลี่ยนไปเพราะโมเดลจากทางร้านนั้นเป็นการปริ้นออกมาอย่างสมบูรณ์
ไม่มีการมาทาสี พ่นสี เพิ่มเติมที่หลังซึ่งหมดห่วงไปได้เลยจริงๆ
แถมทางร้านยังยืนยันมาอีกว่าอยู่ได้ยาวนานหลายๆสิบปีแน่นอน 


และหลังจากที่นัทคุยกับทางร้านเรียบร้อย ขั้นตอนต่อไปก็เตรียมตัวเพื่อรอถ่ายภาพนั้นเอง 
จากนั้นก็จะมีพี่พนักงานมาเรียกเราให้เข้าไปถ่ายรูป ตอนแรกก็ต้องบอกก่อนเลยว่า งงมาก 
ว่าเอ๊ะ !!  ทำไมต้องให้เราเข้าไปยืนถ่ายในกรอบที่มี แท่งไม้รอบล้อมตัวเรา นี่ก็เลยตัดสินใจถามไป 
สรุปว่า มันคือ Scanner/Printing 3D ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของการทำโมเดลนั้นเอง 
คือมันจะมีระบบเซนเซอร์ 100 กว่าตัวที่จะจับรายละเอียดภาพเราเอาไว้


จากนั้นนัทก็จะเข้าไปยืนอยู่ตรงกลางเพื่อโพสต์ท่าถ่ายรูป ซึ่งก็จะพี่พนักงานมาช่วยดูแลเรา
ในเรื่องของการโพสต์ท่า เพื่อให้มีท่าทางความเหมาะสมที่สุดในการออกมาเป็นโมเดลที่ดีที่สุด
ซึ่งทั้งหมดจะใช้เวลาในการถ่ายเพียงแค่ 3 วินาทีเท่านั้น รวดเร็วทันใจวัยรุ่นสุดๆ


และมาถึงขั้นตอนก่อนสุดท้าย พี่พนักงานก็จะให้เราไปดูภาพที่ถูกบันทึกไว้จากระบบเซนเซอร์
ที่จะถูกส่งเข้ามาในคอมพิวเตอร์ แต่ทั้งนี่ทั้งนั้น ภาพอาจจะยังไม่สมบูรณ์ บางภาพจะเห็นแค่ครึ่งหน้า 
บางภาพจะเห็นแค่ด้านหลัง หรือ ช่วงขา แค่นั้น นัทก็เลยถามพี่พนักงานไปอีก ด้วยความสงสัย 
พี่พนักงานก็ใจดีมากๆก็ ตอบให้เราอย่างชัดเจนว่า ในจุดที่เราไปยืนถ่ายภาพนั้น ระบบเซ็นเซอร์
จะทำการจับภาพทั้งหมดแล้ว เป็นร้อยๆภาพรอบๆตัวเรา 
แล้วจะมี Artist Programer นำภาพของเราไปสร้างเป็นโมเดลอีกทีนึง


จนมาที่ขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งทางร้านก็ได้แจ้งไว้ตั้งแต่ตอนสอบถามข้อมูลแล้วล่ะว่า เราจะสามารถ
รับตัวโมเดล 3D ได้อีกใน 1 เดือนข้างหน้า เพราะถือว่าเป็นขั้นตอนการผลิตที่ค่อยข้างจะพิถีพิถันพอสมควร
เพราะจะนำส่งไปผลิตที่ประเทศ เนเธอร์แลนด์เลยทีเดียว ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากๆทั้งราคาและคุณภาพ
ที่ทุกคนสามารถจับต้องได้อย่างแน่นอน แถมยังเป็นการสร้างภาพความทรงจำที่คุณค่าที่สุดอย่างนึงเลยก็ว่าได้


และสำหรับใครที่อยากมีโมเดล  3D เสมือนจริงแบบนัท เก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก
ก็บอกก่อนเลยว่าทางร้านจะมีการออก Event อยู่บ่อยๆถ้าใครสนใจก็สามารถไปติดตามกันได้เลยค่า 
แล้วถ้านัทมีโอกาสจะเอาโมเดลของตัวเอง มาอวดทุกคนแน่นอนค่ะ 

Sunday, July 30, 2017

REVIEW : ร้าน Giftgreats แว่นตาสุดชิลของเหล่าวัยรุ่น


เรื่องของสายตาถือได้ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญจริงๆนะทุกคน นัทเป็นคนนึงที่บอกเลยว่า 
ใช้เวลาอยู่กับหน้าคอมเยอะๆมาก โทรศัพท์ มือถือก็ด้วย 
เพราะด้วยความจำเป็นของอาชีพเรา ซึ่งก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้  


ต้องขอบอกก่อนเลยว่านัทเป็นคนที่สายตาสั้นมาตั้งแต่เด็ก
แต่ก็ยังสั่นไม่มากเท่าไหร่ แต่ไม่ชอบใส่แว่น ใส่คอนแทค หรืออะไรทั้งนั้น
เพราะเป็นคนขี้รำคาญมากๆ เคยตัดแว่นอยู่ช่วงนึง แล้วก็ใส่ได้ไม่นาน
แล้วก็ไม่ได้ใส่อีกเลย จนมาช่วงมหาลัย ก็กลับมาใส่อีก เพราะชอบขึ้นรถเมล์ผิดสาย 5555
เกิดจากความที่ว่าเรามองไม่เห็นนั้นเอง แต่ไม่ถึงขนาดใส่ติดตานะ

ส่วนแว่นที่ใส่ปกติก็จะเป็นแว่นที่มีค่าสายตามาอยู่แล้ว แบบไม่เคยวัดๆจริงๆจังๆ
ตั้งแต่ตอนเด็ก เพราะด้วยความไม่ชอบใส่จริงๆ เพราะคิดว่าลุคของเราไม่เหมาะกับการใส่แว่นเลย
เพราะมีความหน้ากลม หน้าบานนั้นเอง 

จนเมื่อไม่นานมานี่ นั่งเล่น ig เพลินๆก็ไปเจอรูปภาพหนึ่งของเน็ตไอดอล แท๊คร้านแว่นตา 
ชื่อว่า “ Giftgreats ” นี่ก็เลยแวะเข้าไปดู เพราะจริงๆแอบตั้งใจว่าอยากจะหาแว่นดีๆสักอันได้แล้ว
เพราะเมื่ออายุมากขึ้น สายตาของเราก็เริ่มจะสั้นขึ้นอีก และทำงานด้วยการใช้สายตา 
ก็ทำให้สุขภาพของตาลดลงไปเรื่อยๆ ก็เลยตัดใจว่าจะไปตัดแว่น


พอหาวันที่เหมาะสมได้ก็เดินทางไปที่ร้าน Giftgreats  ตั้งอยู่ที่พระราม  2 ถนนท่าข้าม ระหว่างซอย 16 -18
วันที่ไปที่ร้านในร้านก็พอมีลูกค้ามาตัดแว่นกันอยู่เยอะพอสมควร เราก็รอคิว เลยเดินดูแว่นไปเรื่อยๆ
ถือได้ว่ามีแว่นมากมาย มาให้เราเลือก ทั้งเรทราคาก็สามารถจับต้องได้สบายๆ ที่เริ่มจากหลักร้อยไปหลักพัน
แถมยังมีหลากหลายสไตส์อีกด้วย ทั้งแว่นตาธรรมดา หรือ จะเป็นแว่นกันแดด 


เดินชมร้านสักพักก็มาถึงคิวของเราแล้ว เย่ๆๆ ก็เริ่มจากการเข้าไปวัดค่าสายตากันก่อนเลย 
สรุปมาว่า สายตาสั้นตอนนี่ อยู่ที่ 250 และยังมีเอียงๆ อยู่ด้วย ซึ่งพนักงานที่ร้านก็น่ารัก
ทั้งแนะนำเราทุกอย่าง ทั้งเรื่องเลนส์และเรื่องของกรอบแว่นตา 


ซึ่งตอนนี่ทางร้านจะมีเลนส์ที่เป็น Hard Multicoal 500 บาท ,Hard Multicoat auto(เปลี่ยนสีดำ/ชา)1,200  บาท
Nano Blue 1,000  บาท, Blue Auto  2,000 บาท หลากหลายที่จะมาให้เราได้เลือก และไม่ต้องห่วงเรื่องของ
คุณภาพเลยค่ะ เพราะพี่ๆเขาบอกมาว่า เลนซ์พวกนี่เป็นเลนส์นำเข้าจากบริษัท Thai optical group นั้นเอง
ซึ่งพี่ๆพนักงานที่ร้านจะแนะนำให้นัทใช้เลนส์แบบปกติ  เพราะด้วยความที่เราทำงานกราฟฟิค 
เรื่องสีเลยห้ามผิดพลาด ก็ไม่แนะนำให้เป็นตัวเลนส์กรองแสงเท่าไหร่ 


พอวัดสายตาเสร็จเรียบร้อย พนักงานก็จะให้เราใส่แว่นตาจำลองก่อน ประมาณ 10 นาที
เพื่อเช็คว่า เราเหมาะกับเลนส์มั้ย มีปวดหัว เวียนหัว อะไรแบบนี่รึป่าว ก็เลยใช่เวลาตรงนี่
เดินไปเลือกกรอบแว่นอีกทีด้วยเลยเราเลือกมาในราคา 490  บาทเองคุ้มค่ามาก 
เพราะทรงน่ารักมากจริงๆ พอเลือกแบบได้เรียบร้อย ก็แจ้งพนักงาน พอครบ 10 นาที 
ก็ได้เอาแว่นกับตัวเลนซ์ไปประกอบเข้าด้วยกัน และวัดจุดโฟกัสสายตาอีกหนึ่งรอบ 


หลังจากนั้นเราก็รอแว่น ประมาณ 10-15 นาที เท่านั้น ถือได้ว่ารวดเร็วทันใจจริงๆ 
และที่นัทชอบเป็นพิเศษคือกล่องแว่นเลยค่า น่ารักมาก มีให้เลือกหลากหลายแบบ
หลายสี หลายทรง กันเลยทีเดียว และก็มีชื่อ  Giftgreats อยู่บนกล่องด้วย 
ถือได้ว่าคุ้มค่ามากๆค่ะ 


และถ้าใครสนใจก็ลองไปหาข้อมูลเพิ่งเติมของทางร้านได้เลย นัทแนะนำเลยค่ะ
พี่ๆพนักงาน เจ้าของร้าน น่ารักเป็นกันเอง ให้คำแนะนำได้ดีมากๆ 
เพราะว่าเรื่องสายตา เป็นเรื่องที่สำคัญ เสียไปแล้วจะซ่อมก็ไม่ได้ หรือถ้าได้ก็อาจจะ
มีค่าใช้จ่ายที่สูง จริงๆแค่เราเริ่มจากการดูแลตัวเองด้วยการใส่แว่นที่ดี เลนส์ที่ดีที่เหมาะสม
ก็ถือว่าเราได้ดูแลสุขภาพตาเราไปได้ในส่วนหนึ่งแล้วจริงๆค่ะ 


Sunday, July 23, 2017

LALAVY | Aloe Vera Soothing Gel


ใครๆก้อยากจะหน้าใสไร้สิว ผิวดีกันทั้งนั้นล่ะเนอะ !! 
เมื่อช่วงที่ผ่านมาประมาณ 2 สัปดาห์ได้ ไม่รู้ว่าจะโทษตัวเอง หรือ อะไรดีจริงๆ
ไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ไปแพ้อะไรมา หน้านัทนี่แบบพังมากจริงๆจ้า 
ทั้งสิวอักเสบ สิวอุดตัน  รอยดำ รอยแดงต่างๆ มีความมาถล่มที่หน้านัทกันเต็มที่
แถมเวลาแต่งหน้า เครื่องสำอางก็ไม่ติดหน้าเลย ช่วงนั้นรู้สึกพังสุดๆ 
คือต้องพักหน้าไปเลยหลายวัน หยุดทุกอย่างที่เคยใช้ เพื่อหาสาเหตุต่างๆ 
รวมไปถึงลองหา ข้อมูลในการรักษาจากในเน็ตบาง ว่ามีอะไรที่รักษา 
หรือ ดีต่อผิวแพ้ง่ายแบบนัทบ้าง เลยได้ความรู้ใหม่ๆมาว่า เจ้าตัวว่านหางจระเข้เนี่ย
สามารถช่วยเราแก้ปัญหา และจะช่วยบำรุงผิวหน้าของเราได้ดี
พอรู้แบบนี่นัทก็ไม่รีรอเลยค่า เลยไปตามหาเจลว่านหางจระเข้มาบำรุง


จนได้ไปเจอเจ้าตัว Aloe Vera Soothing Gel With Gac Fruit Extract 
หรือ เจลว่านหางจระเข้ พร้อมสารสกัดฟักข้าว  จากแบรนด์ LALAVY นั้นเอง 
คือต้องบอกเลยว่าสรรพคุณคือดีงามจริงๆ เพราะเป็นที่รู้ๆกันอยู่แล้วว่า 
เจ้าตัวว่านหางจระเข้ เขาจะช่วยดูแลผิวเราในเรื่องของความชุ่มชื่น
ลดอาการระคายเคืองต่างๆ และยังสามารถช่วยปกป้องผิวของเราจาก
แสงแดดและความร้อนได้เป็นอย่างดี  และส่วนของตัวฝักข้าวนั้น
จะมีสารไรโคพีน ที่บอกเลยว่าสำคัญต่อร่างกายเรามากๆ ซึ่งเจ้าตัวฝักข้าวเนี่ย
มีสารไรโคพีนที่มากกว่ามะเขือเทศถึง 70 เท่า ซึ่งบอกเลยว่ามันดีจริงๆ
เพราะเจ้าสารตัวนี่จะช่วยในการดูแลผิวพรรณของเรา ให้ดูอมชมพู และไร้ริ้วรอย


และที่นัทชอบเป็นพิเศษเลยกับ Aloe Vera Soothing Gel  ตัวนี่คือ 
มันไม่มีสารอันตรายเลย ทั้ง น้ำหอม แอลกฮอล์ คือมั่นใจเลยว่าปลอดภัย 100 % แน่นอน 
และยังได้รับการรับรองจาก International Aloe Science Council โดยสถาบัน USAD 
ซึ่งแน่นอนเรื่องความปลอดภัยต่อผิว และยังเหมาะแก่สภาพผิวที่บอบบางอีกด้วย 


ซึ่งวิธีการใช้ก็ไม่ยุ่งยาก นัทเลือกทาในเวลา เช้า และ ก่อนนอน แต่จะทาบางๆไม่หนามาก
จะรู้สึกได้ถึงความสดชื่น เย็นสบายๆ จากตัวเนื้อเจลด้วย หรือ สำหรับบางวันที่นัทต้องแต่งหน้า
นัทก็จะลงเจ้าตัว Aloe Vera Soothing Gel เนี่ยไปก่อน แล้วก็แต่งหน้าได้ตามปกติเลย 

หลังจากที่ได้ลองใช้มาสักพัก ก็ถือว่า มันโอเคจริงๆ สิวอักเสบที่เป็นๆอยู่ก็รู้สึกว่า
ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รอยดำรอยแดง ก็จางลง รู้สึกว่าหน้านุ่มชุ่มชื่นขึ้นมาก 
สบายผิวสุดๆ ความมันบนในหน้าก็ลดน้อยลง  


และสำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องผิว นัทอยากให้ได้ลองใช้ดูกันจริงๆ 
กับ Aloe Vera Soothing Gel With Gac Fruit Extract จาก  LALAVY 
อยากให้ทุกคนมีผิวพรรณที่ดี แถมมั่นใจ ปลอดภัย ไร้สารเคมี แน่นอนค่าาา

Friday, July 14, 2017

Cheese Day W/ Holy Cheese


วันก่อนได้มีโอกาสไปเดินเที่ยวที่ตลาดนัดรถไฟรัชดา ขอบอกเลยว่า
อาหารน่าทานเยอะมากๆ เสื้อผ้าสวยๆก็มีให้เลือก Shopping กันเยอะสุดๆ
แต่ต้องมาสะดุดให้กับร้านอาหารร้านนึง เพราะด้วยความที่เป็นคนชอบชีส
พอเห็นเจ้าร้านนี่ก็อดใจไม่ไหวจริงๆกับร้านนี่เลย “ Holy Cheese


ต้องขอบอกเลยว่า แค่เห็นเมนูของทางร้านก็ อดใจไม่ไหวแล้ว 
เพราะน่าทานทุกเมนูจริงๆ ชีสเยิ้มๆแค่คิดก็ฟินมากๆแล้วล่ะ 
นัทเลยไม่รีรอให้เสียเวลา พุ่งตรงไปที่ร้านยังรวดเร็ว หยิบเมนูขึ้น
สั่งๆๆๆๆๆๆ นู่นนี่นั้นเยอะแยะไปหมด ฮือออ ทำไงได้ก็มันน่าทานนี่น่า 

        

สรุปเมนูทั้งหมดที่นัทสั่งไปมี 4 เมนู มาเริ่มจากเมนูแรกกันเลย
-Threesome Set  คือต้องบอกเลยว่า Set นี่อลังการณ์มาก คือรวม 3 เมนูสุดฮิตของทางร้านมา
มี Son of The Beef (เนื้อ) Oh!my Pork (หมู) และ What a Chick (ไก่) เสริฟมาแบบสามชิ้นซ้อนกันมา
พร้อมกับเฟรนฟรายเป็นเครื่องเคียง ถือว่าอิ่มและคุ้มค่ากับราคา 399 บาท มากๆ 

             
    
-Wholly Cheese ตัวนี่เป็นแบบชีส 3 ชนิดผสมกัน  มีชีสมอสซาเรลล่า ชีสเชสด้า 
และ ชีสพาเมซาน กับขนมปังฝรั่งเศษ มาในราคา 140 บาท  
ตัวนี่นัทชอบเป็นพิเศษยิ่งทานตอนร้อนๆนี่อร่อยมากกก 


Cheesy Waff แฮชบราวน์วาฟเฟิลสุดอร่อย กับตัวซอสสูตรพิเศษของทางร้าน
ที่ผสมผสานชีสหลากหลายชนิดเข้าด้วยกัน ที่บอกได้เลยว่า ฟินมากกกกกก ราคาอยู่ที่ 99 บาทจ้า


- Cheese 9 inch ชีสพัฟทอดชุดเยิ้ม ที่บอกเลยว่าชีสเยอะมาก ดีต่อใจมากกจริงๆ 555 
แถมราคาก็น่ารักเพียงแค่ 99 บาทเท่านั้นเอง 


เป็นไงล่ะ น่าทานใช่มั้ยล่ะทุกคน ชีสคือฟินมาก อร่อยมาก  ทุกอย่างลงตัวกันสุดๆ ทุกเมนู และสำหรับตัวร้านก็หาไม่ยากเลย
บริการก็น่ารัก เป็นกันเอง สำหรับนัทถือว่า โอเคเลยล่ะ มีไปทานครั้งหน้าอีกแน่นอน ไม่พลาดชัวร์ๆ


และหลังจากที่เราอิ่มหนำสำราญแล้ว ถือได้ว่าวันนี่เป็นความโชคดีของนัทอีกวันหนึ่ง
เพราะในขณะที่กำลังจะจ่ายตังค์นั้น แอบมองไปเห็นโปสเตอร์ติดอยู่ที่เคาร์เตอร์ 
กับโปสเตอร์ของ " Choco Card " นั้นเอง นี่ก็รีบหยิบบัตรออกมาเลยจ้า  
เกือบจะไม่ทัน เกือบอดแต้มสะสมคะแนนไม่แล้ว ไม่งั้นเสียดายแย่
แต่เพิ่งมารู้จากพนักงานว่า ถ้าเกิดเราลืมบัตร หรือ ไม่ได้เอาบัตรมาก็ไม่ใช่ปัญหาเลย
เพราะเพียงแค่เราแจ้ง เบอร์โทรศัพท์แค่นี่เราก็ยังได้สิทธิ์การสะสมแต้มอยู่ดี  


และสำหรับเจ้าบัตร Choco Card เนี่ย ยังสามารถทำอะไรได้หลากหลายมาก 
ไม่ว่าจะเป็นการสะสมแต้มคะแนนในบัตร เป็นส่วนลด และอื่นๆได้อีก
แถมยังสมัครฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายใดทั้งสิ้น ใครสนใจอยากได้มาเป็นเจ้าของ
ก็ลองไปสมัครดูที่  http://www.chococard.co.th  นัทบอกเลยว่าคุ้มค่าแน่นอน 
เพราะ Choco Card ให้คุณมากกว่าการสะสมแต้ม แถมยังมีร้านค้าต่างๆเข้าร่วมถึง 700 กว่าร้าน

หรือถ้าเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะรู้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวบัตร  Choco Card
หรือรายละเอียดเกี่ยวกับร้านค้าต่างๆ สิทธิ์พิเศษต่างๆก็ สามารถ ไปดาวโหลด์ 
Application ได้ตามลิ้งด้านล่างนี่เลยค่ะ 
Android: https://goo.gl/Xna4LU


Wednesday, July 12, 2017

Glamour girls nail art X Choco Card



สาวๆกับเรื่องของการทำเล็บเพ้นท์เล็บถือได้ว่าเป็นของคู่กันโดยแท้จริง
นัทก็เป็นอีกคนที่ชอบการทำเล็บเพ้นท์เล็บ เป็นชีวิตจิตใจ 

ซึ่งเมื่อช่วงวันหยุดที่ผ่านมานัทพอมีเวลาเหลือไม่ได้ทำอะไร ก็เลยตัดสินใจว่าจะไปทำเล็บสักหน่อย 
ก็เลยเลือกร้านนี่เลย " Glamour girls nail art " ร้านตั้งอยู่ที่ The One Park ซอย 2 ล๊อค A48
โทรจองคิวเรียบร้อยก็เตรียมตัวเดินทางมาที่ร้าน แถมการเดินทางก็สะดวกสบายมาก ๆ
แค่นั่งใต้ดินมาลงที่ พหลโยธิน เดินมาเรื่อยๆ เข้าห้างมาอีกนิดหน่อยก็ถึงร้านแล้ว ตัวร้านก็หาไม่ยากเลยด้วย 





พอถึงที่ร้านก็ลองๆเลือกแบบที่จะทำ วันนี้นัทตั้งใจจะ ทาสีเจล กับ เพ้นท์ หรือติดนู่นนี่นัทนิดหน่อย 
ก็เลือกแบบอยู่สักพักก็สรุปได้แบบที่อยากจะทำ จากนั้นก็บอกช่างทำเล็บ แล้วก็ลุยกันเลยยยยยค่าาา

ต้องขอบอกก่อนเลยว่า ร้านนี่เป็นครั้งแรกที่นัทได้มาลองทำ ถือว่าโอเคมากๆนะ
เพราะว่าพี่ช่างคนที่ทำเล็บให้นัทเนี่ย มีความปราณีตมากๆ ใจเย็นสุดๆ 
คือไม่ต้องห่วงเรื่องตัวติดจะหลุดหรืออะไรเลย เคลือบเจลให้อย่างดี ชอบมากๆ 
แล้วนัทใช้เวลาทำเล็บทั้งหมดไปประมาณ 2 ชั่วโมง คือทำจนร้านจะปิดเลย( คือจริงๆไปสายด้วยล่ะ 55555 )  





จนในที่สุดนี่ก็ได้เล็บสุดมุ้งมิ้งมา คือชอบมากก นั่งมองเล็บตัวเองทั้งวัน
รู้สึกแบบสบายๆใจ มองแล้วหายเครียดงี้เลย 55555 


แต่ที่รู้สึกฟินสุดไปเลยหลังจากการทำเล็บเสร็จนั้นก็คือ แต้มสะสมของเจ้าบัตร  " Choco Card " ใบนี่นั่นเอง 
นัทสมัครมาได้สักพักใหญ่ๆ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ใช้เลย จนบังเอิญเพิ่งรู้ว่าร้าน Glamour girls nail art 
เข้าร่วมกับเจ้าบัตร Choco Card อยู่พอดี นี่ก็ดีใจมากๆ กรี๊ดเลยยยจ้าา 
แถมเพิ่งมารู้ว่า Choco Card บนี่มีเครือข่ายร้านต่างๆเข้าร่วมอยู่ถึง 700 กว่าร้าน ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร,
ความสวยความงาม,Car Care,Fitness และอื่นๆขอบอกเลยว่าหลังจากนี่ก็ได้ฟินกันสุดๆอีกแน่นอน 
เพียงแค่โชว์การ์ดใบนี่หรือแค แจ้งเบอร์โทรศัพท์ของเราเท่านั้น


นั้นแน่ๆๆ อยากจะได้มาจับมาจองกันเป็นเจ้าของแล้วล่ะสิ ถ้าใครอยากจะมีแต้มสะสมแบบนัท 
ก็สามารถไปสมัครเป็นเจ้าของบัตรใบนี่กันได้แบบง่ายๆ ที่  http://www.chococard.co.th สมัครฟรีกันด้วยนะ !!!!
แถมยังมีสิทธิ์พิเศษต่างอีกมากมาย ขอบอกเลยว่าคุ้มสุดๆ
เพราะจากนี่จะได้ไม่ต้องพกบัตรอะไรให้ยุ่งยากแล้ว
เพราะ Choco Card ใบเดียวให้คุณมากกว่าการสะสมแต้ม !! จบปิ๊งงค่าา 

หรือใครอยากรู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับร้านค้าที่เข้าร่วม
ก็สามารถ ไปดาวโหลด์ Application ได้ตามลิ้งด้านล่างนี่เลยค่ะ